การลงทุนท่ามกลางการเมืองร้อนแรง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย
พอถึงช่วงส่งท้ายปี บรรดาคนทำงานทั้งหลาย ก็เริ่มมองหาทางเลือกในการลงทุน เพื่อนำมาลดหย่อนภาษี หักลดภาระค่าใช้จ่าย รวมทั้งวางแผนลงทุนเพื่อการออม และสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยในอนาคต แต่จะลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัยต่อเงินในกระเป๋าของคุณท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เริ่มร้อนแรงขึ้น1 พฤษจิกายน สภาฯ ฉลุย ผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอยผ่านวาระ 3 แล้ว ด้วยคะแนน 310 ต่อ 0 โดยก่อนหน้าเกิดเหตุวุ่นวายช่วงอภิปรายในมาตรา 3 "น้องเดียร์" ลั่นแม้ตนจะเป็นผู้สูญเสีย แต่ไม่อาจทัดทานเสียงข้างมากได้ แต่หวังว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว จะทำให้เกิดการปรองดอง และเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกฝ่าย ....เมื่อเวลา 03.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุวุ่นวาย ในระหว่างการอภิปรายในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในมาตรา 3 โดยกลุ่ม ส.ส. ได้มีการประท้วงที่หน้าบัลลังก์ ปธ.สภาผู้แทนราษฎร จนกระทั่ง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้ขึ้นทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ขอปิดอภิปราย และมีการโหวตผ่านไป มาตรา 3 ผ่านด้วยคะแนน 307 ต่อ 0
ต่อมา น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ขึ้นกล่าวในวาระ 4 ว่า ตนไม่ได้มีโอกาสอภิปรายถึงมาตรา 3 ทั้งที่มีการขอแปรญัตติไว้ แต่เมื่อผ่านไปแล้วก็จะขอกล่าวย้อนไปเล็กน้อย การนิรโทษกรรมคนที่ทำผิดตนไม่เห็นด้วย เนื่องจากตนเป็นผู้สูญเสีย บิดาของตนถูกยิงเสียชีวิตในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ครอบครัวของตนเป็นเหยื่อ และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่หากมีการนิรโทษฯแล้วปรองดองจะเกิดขึ้น ก็ไม่สามารถทัดทานเสียงข้างมาก แต่ในฐานะลูก และตัวแทนผู้สูญเสีย ก็อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเหยื่อ ถึงแม้จะรู้ว่าใครฆ่าพ่อตนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หลังการอภิปรายของ น.ส.ขัตติยาจบ ก็ได้มีการเสนอปิดอภิปราย และโหวตผ่านรวดเดียวหลายมาตรา โดยมาตรา 4 ผ่านด้วยคะแนน 309 ต่อ 0 มาตรา 5 ผ่านด้วยคะแนน 311 ต่อ 0 มาตรา 6 ผ่านด้วยคะแนน 314 ต่อ 0 และมาตรา 7 ผ่านด้วยคะแนน 315 ต่อ 0 ส่งผลให้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระ 2 เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจวอล์กเอาต์ เดินออกจากสภาฯ เนื่องจากไม่ได้อภิปราย ในเวลา 04.24 น.จากนั้นประธานสภาฯ ได้ให้โหวตวาระ 3 ต่อทันที ผลปรากฏว่าผ่านไปอย่างฉลุย 310 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 โดยปิดประชุมในเวลา 04.25 น.
ช่วงท้ายปี เรียกว่าเป็นจังหวะที่กลุ่มผู้ออมและผู้ลงทุน โดยเฉพาะวัยทำงาน หรือมนุษย์เงินเดือน ต้องหาทางเลือกในการลงทุน เพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF หรือจะเลือกลงทุนเพื่อนำปันผลมาเป็น Passive Income
การเล่นหุ้น การออมในรูปเงินฝาก การซื้อกองทุน หรือแม้กระทั่งประกันชีวิต ก็ถือเป็นการลงทุนประเภท Passive Income เช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องลงแรง หรือจะเรียกว่าให้เงินทำงานก็ได้
แต่การลงทุนจำเป็นต้องเลือกระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง ซึ่งการลงทุนในรูปเงินฝากประเภทคุ้มครองชีวิต เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่น่าสนใจ โดยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน แนะนำผู้ที่ต้องการลงทุนว่า เงินฝากประเภทนี้ มีผลตอบแทนที่เป็นดอกเบี้ยค่อนข้างสูง ได้รับการคุ้มครองชีวิต รวมทั้งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
แต่การลงทุนปลายปีนี้ ต่างกับทุกปี เพราะมีตัวแปรจากการชุมนุมทางการเมืองที่เริ่มร้อนแรง หลังสภาฯ ผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับสุดซอย หากสถานการณ์ยืดเยื้อ รุนแรง แน่นอนว่า ตลาดหุ้นซึ่งอ่อนไหวกับปัจจัยนี้อยู่แล้ว คงยากที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบ และลดความน่าสนใจในการลงทุนลงไปทันที
ช่วงเวลานี้ การเลือกลงทุนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝาก อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด ขณะนี้มีหลายสถาบันออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนที่ตอบโจทย์กับความเสี่ยงนี้
เช่น เงินฝากสงเคราะห์ชีวิตและครอบครัว แบบออมสินเพิ่มพูน 10/1 ของธนาคารออมสิน ที่ให้ผลตอบแทนร้อยละ 4 ในปีที่ 1- ปีที่ 9 โดยได้รับเงินคืน 100% ในปีที่ 10 ทั้งยังได้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี
รวมทั้งประกันชีวิต โปรเซฟวิ่ง 410 ของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี รวมทั้งยังได้รับการคุ้มครองชีวิต และลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นกัน
แม้การลงทุนในเงินฝากประเภทต่างๆ จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบอื่น แต่นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักเรื่องผลตอบแทนการลงทุนเป็นหลัก เพราะต้องยอมรับว่า เมื่อเทียบผลตอบแทนระหว่างเงินฝาก ไม่น่าสนใจเท่ากับการลงทุนประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นกองทุน หรือแม้แต่ตราสารหนี้ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุน จึงต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อลดความเสี่ยง และให้เงินช่วยทำงานได้จริง
Credit : http://news.voicetv.co.th, http://www.thairath.co.th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น