วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปุจฉา: ขอพระคุณเจ้ากรุณาชี้แนะการเจริญสติสำหรับ นักลงทุนที่ลงทุนแล้วขาดทุน แล้วก็ที่มีความทุกข์ จะคิดอย่างไรถึงจะเปลี่ยนความทุกข์นั้นให้เป็นความสุขได

ปุจฉา: ขอพระคุณเจ้ากรุณาชี้แนะการเจริญสติสำหรับ นักลงทุนที่ลงทุนแล้วขาดทุน แล้วก็ที่มีความทุกข์ จะคิดอย่างไรถึงจะเปลี่ยนความทุกข์นั้นให้เป็นความสุขได


 นักลงทุนที่ลงทุนแล้วขาดทุน
วิสัชนา: อาตมาก็พอจะตอบได้นะว่า นักลงทุนที่ลงทุนแล้วขาดทุน เพราะมีความรู้ด้านเดียว คือมีความรู้เรื่องการลงทุน เขาควรจะหาความรู้อีกด้านหนึ่งมาประกอบการลงทุน  คือ ความรู้ทางธรรมะ มนุษย์เรามักมีปัญหา คือมีความรู้เฉพาะทางมากไป เหมือนไมเคิล แจ๊คสัน ที่มีความรู้ทางดนตรีระดับปริญญาเอก มีชื่อเสียงเป็นอัจฉริยะทางดนตรี แต่ความรู้ด้านบริหารจัดการชีวิตแค่ปริญญาตรี  วันหนึ่งเขาเปิดห้องอัดเองเขาก็ขาดทุนเป็นพันล้าน เพราะเขามีความรู้ เพียงด้านเดียว ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องเป็นคนที่พระพุทธองค์ ทรงใช้คำาว่า “ต้องมีตา 2 ข้าง” หนึ่ง คือ ตาข้างนอก สอง

คือ ตาข้างใน ตาข้างนอกนี้ก็คือสำาหรับทำามาหากิน สำาหรับนักลงทุน แต่ตาข้างในคือ ตาธรรมะ คำาแนะนำาคือ นักลงทุนต้องเรียนธรรมะควบคู่กันไปด้วย คุณจะต้องรู้ว่าโลกนี้จะไม่มีใครได้ทุกอย่างดังใจหวัง และจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป นี่เป็นสัจธรรมพื้นฐานที่เราต้องเข้าใจ ถ้าเราเข้าใจแบบนี้ พอเรามาลงทุน การลงทุนก็มีกำาไร และมีขาดทุน วันหนึ่งถ้าเรามีกำาไร เราก็รู้จากคำาพระที่ว่า กำาไรมันจะมา  วันหนึ่งถ้าขาดทุน เราก็รู้ว่านี่ไงที่พระท่านพูด ฉันกำาลังมีประสบการณ์ตรง พอเรามีความเข้าใจพื้นฐานร่วมกัน อย่างนี้แล้ว พอเราขาดทุนเราก็ไม่ตีโพยตีพาย เพราะชีวิตก็เป็นอย่างนี้ มีได้มีเสีย มีขึ้นมีลง มีสูงมีตำา ภาษาพระเรียกหลักธรรมชุดนี้ว่า “โลกธรรม” แปลว่าธรรมประจำาโลก  ถ้าเราเข้าใจโลกธรรม คือธรรมประจำาโลกแบบนี้นะ ว่าโลกนี้ มีสูงมีตำา มีได้มีเสีย มีสุขมีทุกข์ เป็นธรรมดาประจำาโลก โลกธรรมนี้จะทำาอะไรเราไม่ได้เลย ถ้ามันเกิดขึ้น เราก็รู้ว่า พระท่านบอกไว้แล้ว แต่ถ้าเราไม่เข้าใจโลกธรรมชุดนี้ พอเกิด เหตุการณ์ที่ลงทุนแล้วขาดทุนเป็นทุกข์ เราจะถูก “โลกกระทำา”  ถ้าโลกกระทำาไปแล้ว ยังไม่ยอมทำาความเข้าใจอีก ยังทุกข์ซ� ทุกข์ซากอีก ก็จะถูกโลกกระทืบ เพราะฉะนั้นขอแนะนำาให้ หาความรู้ทั้งทางการลงทุนและทางธรรมะคู่กันจะได้เอาไว้ปลอบใจตัวเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น